ฝึกฝนภาษาอังกฤษจากการฟัง
อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ พี่พิมพ์ว่าฟังภาษาอังกฤษเพื่อจะได้พูดอังกฤษให้คล่องแคล่ว สมัยนี้ผู้คนมากมายมีความเชี่ยวชาญทางโลกดิจิตอลมากขึ้นเห็นเด็กตัวเล็กจับไอแพด โทรศัพท์ แท๊บเล็ตกันตั้งแต่ยังพูดไม่ได้ก็มี ทีนี้เราจะเลือกดูเลือกฟังอะไรกันดีจากสื่อที่มีอยู่มากมายในยูทูป เฟซบุ้คหรือในเว็บไซต์อื่นๆอีกมากมาย
วันนี้พี่จะมาแนะนำสื่อออนไลน์ที่สามารถช่วยพัฒนาภาษาของเราให้ก้าวหน้าไปได้ เริ่มต้นจากทุกคนควรจะต้องเห็นด้วยกับพี่ก่อนว่าเราอยู่ในเมืองไทย พ่อแม่ ญาติพี่น้องเราส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย ภาษาราชการต่างๆที่ได้ยินจากสื่อต่างๆทางวิทยุโทรทัศน์ก็เป็นภาษาไทย คิดเป็น100%ที่เรานะได้ยินภาษาไทยในชีวิตประจำวัน แล้วเราจะพูดอังกฤษได้จากตอนไหนจ้ะ
การจะพูดภาษาใดๆในโลกนี้ได้นั้นเราต้องได้ยินภาษานั้นซ้ำๆหลายๆหน ยกตัวอย่างเช่นตัวพี่เองชอบซีรี่ย์เกาหลีมากดูเป็นภาษาเกาหลีด้วยเมื่อดูไปเรื่อยๆ จนจบเรื่องและจบไปหลายๆเรื่องเราก็เริ่มจำศัพท์บางคำที่เค้าพูดบ่อยๆได้เช่น ชักกำมานแปลว่ารอซักครู่ ชิโรแปลว่าไม่เอา ไม่ชอบ เป็นต้น เช่นเดียวกันค่ะการจะฝึกภาษาอังกฤษเราต้องได้รับการฟังมากมายเลยทีเดียว เอาล่ะถ้าทุกคนเริ่มเห็นด้วยว่าต้องฟังภาษาอังกฤษให้มากขึ้นเพื่อจะได้จำได้ เข้าใจได้พูดได้กับพี่แล้ว เรามาเริ่มฝึกทักษะด้านการฟังด้วยกัน
การฟังโดยไม่ใช้ตาเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นทำให้หูของเราต้องทำงานมากขึ้นเพื่อที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังเข้ามาในโสตประสาท ดังนั้นการฟังโดยไม่ต้องดูเนื้อความที่พูดที่ร้องบ่อยๆย่อมเป็นการฝึกสมองด้านการจดจำภาษาเป็นอย่างดีเลยทีเดียวแล้วเราควรจะต้องฟังมากเท่าไหร่ คำตอบคืออย่างน้อย3ชั่วโมงต่อเนื่องอย่างมากคือเกือบตลอดเวลาค่ะ คนไม่รู้ภาษาอังกฤษแต่ไปอยู่ที่เมืองนอกเมืองที่เค้าใช้ภาษาอังกฤษกันคนพวกนี้จะพูดได้เร็วมากเพราะได้ยินเกือบตลอดเวลาและแน่นอนเพื่อความอยู่รอดของชีวิตด้วย ที่บอกไปก็จะได้เข้าใจว่าทำไมต้องพูด ฟังเยอะๆถึงขนาดเกือบจะตลอดเวลา กำหนดเวลาชัดเจนในการฟังค่ะ ไม่งั้นจะงอแงไม่ฟังทีนี้คำถามต่อไปฟังอะไรดีเรื่องฟังอะไรนั้นขออธิบายเป็นหัวข้อง่ายๆตามความหาฟังง่ายไปจนยากขึ้นดังนี้ค่ะ
- ฟังเพลงภาษาอังกฤษ อันนี้หาฟังง่ายที่สุด แต่ขอแนะนำว่าฟังเพลงที่มีจังหวะหรือดนตรีไม่หนวกหูโวยวายจนเกินไปนะ ฟังเพลงช้าๆหวานๆซึ้งๆก็ได้เพลงป๊อบฮิตๆได้หมด แต่แนวEdm. เพลงแร๊พเพลงที่พูดๆบ่นๆฮึมฮัมงดไปก่อนนะมันฟังยาก ฟังแล้วพยายามร้องตามให้เหมือนที่สุดแล้วลองไปร้องให้ Siri หรือโปรแกรมฟังโปรแกรมแปล หรือ google ก็ได้ช่วยฟังช่วยแปลช่วยบอกความหมายที่ถูก แต่ฟังให้ชัวร์ฟังบ่อยๆนะ
- ฟังหนังหรือภาพยนตร์ที่ใช้อังกฤษสื่อสารกันจะให้ดีที่สุดควรเป็นการ์ตูนนะโดยเฉพาะของวอลดีสนีย์เพราะส่วนใหญ่เค้าทำให้เด็กดู ดังนั้นภาษาอังกฤษที่ใช้ก็จะค่อนข้างง่ายในการฟัง เปิดฟังนะคะไม่ต้องนั่งดูก็ได้สามารถฟังตอนนั่งทานข้าวหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการฟังนะ ฟังหนังอย่างเดียวจะดีที่สุดแบบเดียวกับฟังเพลงฟังจนจำได้ว่าเค้าคุยอะไรกัน พูดตามการดูหนังนี่น่าจะทำให้เราเดาศัพท์ง่ายสุดละ ว่าเค้าพูดอะไรกัน สิ่งที่ได้ยินนั้นน่าจะแปลว่าอะไร พอฟังเยอะๆเข้าใจแล้วก็อาจมานั่งดูแล้วอ่านคำแปลว่าเข้าใจตรงกันรึเปล่า แต่เริ่มต้นแนะนำว่าอย่าดูแปล พยายามอย่าใช้ตาเป็นตัวช่วยนะ ฟังก่อน เข้าใจตรงกันนะ
- สื่อต่อไปที่อยากแนะนำคือข่าวภาษาอังกฤษค่ะ ถึงแม้ว่าจะยากแต่พี่เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ ฟังของช่องไทยที่รายงานเป็นภาษาข่าวอังกฤษนะคะเราจะได้คุ้นๆกับข่าวเหล่านั้นบ้างไม่ดูยากจนเกินไป
- อันสุดท้ายนี่เป็นการฟังหนังสือค่ะ เดี๋ยวนี้มีหลายๆแอพพลิเคชั่นที่อ่านหนังสือให้เราฟังหรือลองพิมพ์หาหนังสือสำหรับคนตาบอดก็ได้ค่ะ น่าจะได้บ้างอีกอันที่น่าสนใจคือคัมภีร์ไบเบิ้ลค่ะ ส่วนใหญ่ไบเบิ้ลจะเล่าเรื่องยาวๆอยู่แล้วและเค้าอ่านให้ฟังสามารถโหลดฟรีๆได้เลยค่ะโดยค้นหาคำว่าไบเบิ้ล พี่ชอบเพราะว่ามันฟรีและเสียงอ่านชัดและดีมากๆเลยค่ะ
สุดท้ายที่อยากจะฝากคือฟังเฉยๆผ่านๆไม่นำมาคิดความหมายจำศัพท์จำประโยคมาใช้นั้นก็เป็นการฟังแบบไร้ความหมายค่ะ ฟังแบบให้คนอื่นคิดว่าเท่ห์ที่ฟังเพลงอังกฤษเท่านั้น การฟังที่ดีคือการฟังแล้วพยายามจับใจความที่สิ่งนั้นพยายามสื่อ พยายามเลียนแบบการออกเสียงให้เหมือนเพื่อเอามาหาความหมาย ถ้าไม่เข้าใจให้หาคนที่น่าจะเข้าใจเพื่อถามหรือตั้งกระทู้ในพันทิพย์หรือ Facebook ค่ะ พี่เชื่อว่ามีกูรูมาตอบแน่นอน “ Ask if you don’t know anything”.ถามเมื่อไม่รู้ Remember what you hear จำในสิ่งที่ได้ยิน พี่เชื่อว่าไม่มีสิ่งใดยากเกินกว่าความพยายามแน่นอน Nothing is difficult for our efforts.